Last updated: 28 มิ.ย. 2567 | 750 จำนวนผู้เข้าชม |
ใครเข้าวงการเล็บเจลมาแล้ว คงรู้ว่ามันเข้าแล้วออกยากเสียเหลือเกิน เพราะความสวยติดทน อยู่ได้เป็นเดือนๆ แบบนี้ สีทาเล็บธรรมดาไม่สามารถมอบให้ได้แน่นอน แต่หลายคนคงเริ่มหวั่นๆ กันบ้าง หลังจากได้ยินข่าวคราวเมื่อต้นปีว่า “ทาเล็บเจล อาจเสี่ยงมะเร็งผิวหนัง” ที่มีงานวิจัยมายืนยัน แถมยังมีเคสคนต่างชาติที่เป็นมะเร็งผิวหนัง ซึ่งหมอวินิจฉัยว่าอาจเป็นเพราะเครื่องอบเล็บเจล วันนี้เราจะมา wrap up กันอีกรอบถึงผลกระทบของมัน และหากจำเป็นต้องทาจริงๆ หรือยังตัดใจไม่ลงจริงๆ วิธีไหนเสี่ยงต่อสุขภาพของเราน้อยที่สุด
งานวิจัยบน Nature Communications ระบุว่า แสง Ultraviolet A (UVA) ที่มักถูกปล่อยออกมาจากเครื่องอบเล็บเจล UV ซึ่งหากใช้ในระยะยาวอาจเพิ่มความเสียหายไปถึงระดับดีเอ็นเอ และเกิดการกลายพันธุ์ของเซลล์ที่ทำให้เกิดเป็นมะเร็งผิวหนังได้ โดยในการศึกษานักวิจัยได้ทดลองกับเซลล์ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกับเครื่องอบเล็บเจล UV เป็นเวลา 20 นาที ซึ่งพบว่าทำให้เซลล์ตายถึง 20-30% ในครั้งเดียว และหากเพิ่มเป็นการทำติดต่อกัน 3 ครั้ง พบว่าเซลล์ที่สัมผัสนั้นตายถึง 65-70% ถือว่าเป็นตัวเลขค่อนข้างสูง และชี้ให้เห็นว่าหากเราทำเล็บเจลติดต่อกันนานๆ ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนังได้ในอนาคต
คาโรลิน่า จัสโก้ (Karolina Jasko) นางงามผู้ชนะการประกวด Miss Illinois ปี 2018 แพทย์วินิจฉัยว่าเธอเป็นมะเร็งผิวหนัง และเธอต้องถอดเล็บนิ้วโป้งออก จัสโก้เล่าว่าเธอเป็นคนหนึ่งที่ชอบทำเล็บเจลมาก เพราะเล็บเจลมอบผลลัพธ์ความสวยได้ยาวนานกว่าการทาเล็บธรรมดา มีอยู่วันหนึ่ง ที่เธอเข้าร้านทำเล็บเหมือนทุกๆ ครั้ง ช่างได้สังเกตเส้นสีดำๆ ใต้นิ้วโป้งของเธอ ตอนแรกเธอก็ไม่ได้เอะใจอะไรมาก คิดว่าคงไปชนอะไรเข้าเฉยๆ แต่หนึ่งสัปดาห์ต่อมา เธอรู้สึกเจ็บปวด และเล็บของเธอก็ดูเหมือนติดเชื้อ ทำให้เธอต้องไปพบแพทย์ และต้องผ่าตัดเอาชิ้นเนื้อไปตรวจทันที
แพทย์บอกกับจัสโก้ว่าเธอเป็นมะเร็งผิวหนังเมลาโนมา ซึ่งเป็นมะเร็งชนิดร้ายแรง มีความเสี่ยงถึงตายได้ จัสโก้จึงต้องเข้าสู่กระบวนการรักษา แพทย์ต้องเอาเล็บนิ้วโป้งของเธอออก และปลูกถ่ายผิวหนังบริเวณขาหนีบของเธอมาแทนที่ผิวหนังบนนิ้วโป้งที่หายไปแล้วของเธอ โชคดีที่เธอเข้ารับการรักษาได้ทันเวลาจนหายจากมะเร็งได้แล้วในปัจจุบัน โดยแพทย์วินิจฉัยสาเหตุไว้ว่า สาเหตุอาจเกี่ยวเนื่องกับการใช้เครื่องอบเล็บ
ด้านแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็ออกมาแสดงความกังวลต่อการทำเล็บเจลกันอยู่บ้าง มาราล สเกลซีย์ (Maral Skelsey) ผู้อำนวยการ Dermatologic Surgery Center of Washington และรองศาสตราจารย์ด้านผิวหนังที่มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ กล่าวว่าความเสียหายนี้ “ก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังที่พบบ่อยที่สุดชนิดบาซอล มะเร็งผิวหนังชนิดสเควมัสเซลล์ ไปจนถึงมะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมาซึ่งเป็นมะเร็งผิวหนังที่ร้ายแรงที่สุด” และที่น่าเป็นห่วงคือ เธอบอกว่ามะเร็งเมลาโนมามักจะไม่ได้รับการวินิจฉัยจนกว่ามะเร็งจะลุกลาม ก็จะคล้ายกรณีของจัสโก้ ที่มารู้ตัวอีกทีคือเกิดสัญญาณที่กระทบต่อร่างกายแล้ว
ความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังจากการทำเล็บเจล นับว่าน่ากังวลอยู่ไม่น้อย แต่เชื่อว่าไม่ใช่ทุกคนจะเลิกทำได้เลยปุ๊บปั๊บ บางคนอาจต้องทาเพื่อทำงาน ยังอยากทาเพื่อเพิ่มความมั่นใจ หรือทาเพราะความพอใจอยู่ แต่ทีนี้จะทำเล็บอย่างไรดี ให้ความเสี่ยงน้อยสุดดีล่ะ? จะดีกว่าไหมถ้าเราเลือกใช้เครื่องอบที่ปลอดภัย มีมาตราฐาน และมีการยืนยันจริงไม่ใช่เพียงการบอกปากเปล่า เพื่อสุขภาพที่ดีของเรา ใส่ใจในเครืองอบสีเจลที่ร้านค้าเลือกใช้ก่อนเข้าทำเล็บทุกครั้งนะคะ
อ้างอิง:
https://www.cbsnews.com/.../uv-nail-dryer-gel-manicures.../
https://www.nature.com/articles/s41467-023-35876-8
https://www.stuff.co.nz/.../gel-manicure-fans-should-be...
https://www.washingtonpost.com/.../gel-nail-polish-uv.../
28 ส.ค. 2567
29 ต.ค. 2567
11 ก.ย. 2567